ค้นหาบล็อกนี้

วันอาทิตย์ที่ 27 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2554

กล้วยน้ำว้า




ชื่อสามัญ: Chinese banana
ชื่อท้องถิ่น: กล้วยน้ำว้า กล้วยใต้
ลักษณะวิสัย: ไม้ล้มลุก
ลักษณะทั่วไป: กล้วยน้ำว้ามีลักษณะต้นสูง 2.5-4 เมตร ลำต้นมีขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง 18 เซนติเมตร กาบลำต้นเทียมด้านนอก
สีเขียวอ่อนมีประดำอยู่ทั่วไป ด้านในสีเขียวอ่อนกว่าสี สม่ำเสมอ ก้านช่อดอกไม่มีขน ปลีดอกกล้วยสีแดงอมม่วง เครือยาว
ขนาด 7-15 หวี หวีหนึ่งมี 10-16 ผล เมื่อดิบเปลือกผลสีเขียว สุกมีสีเหลือปนน้ำตาล เนื้อเหลืองอมขาว มีรสหวานแบ่งออก
เป็นสายพันธุ์ต่างๆ มีความแตกต่างกันเล็กน้อย
ประโยชน์: ให้คุณค่าอาหารสูง ใช้ทำอาหารได้หลายอย่าง
การขยายพันธุ์: แยกหน่อ เพาะเมล็ด เพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อ
กาบใบ รวมเรียกว่าต้น หรือเรียกว่าหยวก ใช้ทำอาหารสัตว์ หมู ไก่ วัว เมื่อก่อนใช้ทำเชือกผูกมัดสิ่งของ เหนียวทนทาน ที่จำได้ใช้ผูกหูกระป๋องกาแฟ หรือโอวัลติน และผูกเนื้อหมูขาย แม่ค้าหมูสมัยก่อนจะห่อหมูด้วยใบกล้วย(ใบตอง) แล้วใช้เชือกกล้วยผูกตรงกลางให้คนซื้อหิ้วกลับบ้าน
ใบกล้วย เรียกใบตอง ใช้ห่อสิ่งของ ใช้ทั้งสดและแห้ง เช่นห่อขนมไทย นอกจากนั้นยังใช้ในการประดิษฐ์สิ่งของอื่น ๆ เช่น กระทงลอย ทำบายศรีอื่น ๆ อีกมากมาย
ดอกกล้วย เรียก หัวปลี ใช้ปรุงอาหาร เช่นยำหัวปลี ทำเป็นผักสด หรือลวกต้มก็ได้
ผลกล้วย ทั้งหมด เรียกเครือ ตัดแบ่งออกมาเป็นหวี และเรียกลูกว่าผล ใช้ทำอาหารคาวหวานได้หลายชนิด ทั้งดิบและสุก มีประโยชน์มาก เด็กสมัยก่อนต้องกินข้าวกับกล้วยน้ำว้าสุกย่างไฟบดกับข้าว แต่ปัจจุบันไม่เห็นแล้ว

มะเขือเทศ



ชื่อวิทยาศาสตร์ :
Lycopersicon esculuentum Mill.
ชื่อวงศ์ :
Solanaceae
ชื่อสามัญ :
Tomato
ชื่ออื่น : มะเขือ (ทั่วไป) มะเขือส้ม (ภาคเหนือ) ตรอบ (สุรินทร์) น้ำเนอ (เชียงใหม่)
ลักษณะ : เป็นพืชล้มลุกอายุเพียง
1 ปี ลำต้นตั้งตรง มีลักษณะเป็นพุ่ม มีขนอ่อน ๆ ปกคลุม ใบเป็นใบประกอบ ออกสลับกัน ใบย่อยมีขนาดไม่เท่ากัน บางใบเล็กรียาว บางใบกลมใหญ่ ปลายใบแ


หลม ขอบใบเป็นหยักลึกคล้ายฟันเลื่อยมีขนอ่อน ๆ ออกดอกเป็นช่อหรือดอกเดี่ยว บริเวณซอกใบ ดอกมีสีเหลือง มีกลีบเลี้ยงสีเขียวประมาณ 5 -6 กลีบ ผลเป็นผลเดี่ยว มีขนาดรูปร่างและสีต่างกัน ซึ่งมีขนาดเล็กประมาณ 3 เซนติเมตร จนถึงใหญ่ประมาณ 10 เซนติเมตร รูปร่างมีทั้งกลม กลมแบน หรือกลมรี ผิวนอกลีบเป็นมัน ผลดิบมีสีเขียว หรือเขียวอมเทา เมื่อสุกจะมีสีเหลือง สีส้ม หรือสีแดง เนื้อภายในฉ่ำด้วยน้ำมีรสเปรี้ยว เมล็ดมีเป็นจำนวนมาก มะเขือเทศมีหลายพันธ์ เช่น พันธุ์สีดา
ปลูกไว้ใช้ในครัวเรือน จะทำอาหารหรือน้ำมะเขือเทศปั่น หรือมะเขือเทศเชื่อม ก็ได้ ปลูกง่ายเหมือน ๆ กับพืชผักทั่วไป ที่สำคัญต้องทำค้าง ถ้าไม่ทำค้างต้นจะล้มราบไปกับพื้นผลผลิตไม่ดี และเปรอะเปื้อน ดูแลยาก ต้องทำความสะอาด การดูแลนอกจากรดน้ำให้ปุ๋ยแล้วต้องตัดแต่งกิ่ง และใบ ตัดใบส่วนล่าง ใบแก่ ใบเป็นโรคออก เท่านี้ก็ได้มะเขือเทศไว้ใช้ในบ้านแล้ว

ทำตามข่าว

หลายวันมาแล้วดูข่าวเกษตรช่อง 3 เรื่องการปลูกกล้วยกลับหัว เขาเอาหน่อกล้วยมาตัดให้ยาวประมาณ 20 เซนติเมตร(ข่าวบอก) แล้วขุดหลุมเอาปลายลงดิน เอาเหง้าขึ้นบนแล้วกลบดิน พอดีวันนี้ตัดกล้วยเล็บมือนางที่สุกคาต้นลงหนึ่งเครือ นึกถึงข่าวขึ้นได้ เราจะลองปลูกดูบ้าง แต่เราไม่เอาหน่อกล้วย แต่เราจะเอาต้นกล้วยที่ตัดเครือแล้วมาปลูกดูว่าเป็นอย่างไร โปรดติดตามที่นี่

แล้วค่อยมาดูกันว่าอีก 1 เดือนจะมีการเปลี่ยนแปลงอย่างไรบ้าง
ยังไม่ทันถึง 1เดือน  เนื่องจาก วันนี้เป็นวันที่ 17 มีนาคม  เดินไปดูเห็นหน่อกล้วยแทงหน่อขึ้นมา 2 หน่อ จึงเอากล้องไปถ่ายรูปมาลงให้ดูว่า 17 วัน มีการเปลี่ยนแปลงตามที่เห็น  แต่ช่วงนี้ฝนตกพรำ ๆ มาสองวันแล้ว  อากาศเย็นอย่างกับฤดูหนาว





มะพร้าวกะทิ

เช้าวันนี้มีคนมาขอซื้อมะพร้าว มะพร้าวมีแค่ 2 ต้น ปู่เป็นคนปลูกไว้ถึงรุ่นหลานได้กิน ได้ขาย ช่วงนี้มะพร้าวแพง ขายได้ 550 บาท ใจดีให้คนขึ้นไป 50 บาท คนซื้องง บอกว่าให้ค่าขึ้นเอาทางแห้ง ๆ ลงให้ จะได้ดูเป็นต้นมะพร้าวหน่อย มะพร้าวต้นที่พูดถึงนี้ ทุกทะ
ลายจะมีมะพร้าวกะทิปนอยู่ด้วย บอกคนขึ้นให้เขาเลือกให้ เขาเซียนมะพร้าว เขย่าแป็บเดียวได้มา 8 ลูก แบ่งกันคนละ 4 ลูก แล้วจะปอกถ่ายรูปมาให้ดูว่าเป็นกะทิจริงหรือกะทิคั้น

ผักหวานบ้าน

ชื่อวิทยาศาสตร์ :Sauropus androgynus (Linn.) Merr.
ชื่อวงศ์ : Euphorbiaceae
ชื่ออื่น : ผักหวานใต้ใบ (สตูล), มะยมป่า (ประจวบคีรีขันธ์), ก้านตงผักหวาน(เหนือ)
ส่วนที่ใช้ประโยชน์ : ราก ใบ ดอก
สรรพคุณ :ราก : เป็นยาถอนพิษร้อน พิษไข้ พิษทราง ถอนพิษสำแดง กินของแสลงเป็นพิษ แก้ขัดเบา
แก้ไอ
แก้คางทูม คอพอก แผลฝี
ใบ : ปรุงเป็นยาเขียวกระทุ้งพิษ เป็นยาประสะน้ำนม ช่วยมดลูกเข้าอู่เร็วขึ้น แก้แผลฝี
ดอก : ใช้ขับโลหิต


การขยายพันธุ์  ผักหวานบ้านขยายพันธุ์ง่าย ใช้วิธีการตัดปัก โดยเลือกเอาส่วนที่เหลือจากที่เราเก็บยอดไปแล้ว  ตัดปักลงในถุงชำ หรือปักลงแปลงปลูกเลยก็ได้ รดน้ำเช้าเย็นประมาณ 2 อาทิตย์ ก็แตกยอดอ่อนแล้ว สามารถปลูกไว้ในสวนครัว ปลูกตามแนวรั้ว หรือปลูกเพื่อเก็บยอดขายก็น่าสนใจไม่น้อยเลยทีเดียว

วันอาทิตย์ที่ 20 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2554

ต้นตาลโตนด

มะขามเทศมัน

ชื่อสามัญ (Common Name) : Manila Tamarind
ชื่อพฤกษศาสตร์ (Scientific Name) : Pithecellobium dulce, Benth.
ชื่อวงศ์ (Family name) : Leguminosae
ชื่ออื่นๆ (Other Name) : -

ลักษณะทั่วไป


มะขามเทศเป็นไม้ยืนต้นขนาดใหญ่ แตกกิ่งก้านสาขามาก กิ่งก้านมีหนาม ใบเป็นใบประกอบ ออกเป็นคู่ตรงข้ามกัน ดอกมีขนาดเล็ก ฝักมีลักษณะโค้งคอดเป็นปล้อง สีเขียวปนแดง เนื้อหุ้มเมล็ดสีขาว เมล็ดเล็กแบนสีดำ

การขยายพันธุ์


ใช้เมล็ดปลูก ตอนกิ่ง เสียบยอดหรือเสียบกิ่ง

ประโยชน์ทางสมุนไพร


เปลือกสด ใช้ร่วมกับเปลือกข่อย ต้มน้ำเคี่ยวกับเกลือแกง ใช้อมแก้ปวดฟัน

มะขามเทศต้นนี้เกิดจากการต่อกิ่งมะขามเทศมันบนต้นมะขามเทศ ได้กิ่งมะขามเทศมันมากิ่งหนึ่ง นำมาตัดเป็นท่อน ๆ แล้วนำไปแปะติดกับมะขามเทศที่ขึ้นอยู่แล้ว แปะติดรอบทิศทั้งสี่ทิศ ทิศละกิ่งจึงได้มะขามเทศมันสี่กิ่งใหญ่ มันจริง ๆ ตั้งแต่เคยกินมะขามเทศมา เป็นมะขามเทศฝักใหญ่ ฝักสีเขียว มันตั้งแต่ยังแบนๆ อยู่เลย ถ้าปล่อยไว้ให้ฝักแตก ไม่ทันนก นกเอี้ยง นกกาเหว่า ชิงกันตั้งแต่เช้าเลย จะสังเกตเห็นว่าผิวของเปลือกจะไม่เหมือนกันท่อนบนจะเรียบกว่าท่อนล่างซึ่งขรุขระ การเสียบเปลือกมะขามเทศทำง่าย ปีเดียวโตให้ฝักกินได้เลยทีเดียว

กล้วยไม้ป่า่ที่บ้านฉัน




กล้วยไม้ป่าที่บ้านฉัน ได้มาจากเพื่อน ๆ เขานำมาฝาก โดยส่วนตัวชอบ แต่ไม่ซื้อ ใครให้มาก็ปลูกไว้ ทุกต้นปลูกติดกับต้นหมากเขียว หมากเขียวกอนี้มีอยู่ 7 ต้น ใครให้กล้วยไม้ป่ามา ไม่ว่าประเภทไหน จะนำมาปลูกติดกับหมากเขียว มาก่อนปลูกเตึ้ย มาที่หลังปลูกสูงขึ้นไป พันกันไปมา เวลารดน้ำรดข้างบน
น้ำตกลงมาถูกข้างล่างด้วย

วันเสาร์ที่ 19 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2554

ดกดีจริงๆ

รูปแรกเป็นพริกที่ออกดอกที่ตาตามกิ่ง ก็ถือว่าดกแล้วเพราะมีทุกตาเหนือใบออกดอกออกผล แต่รูปที่สองจะออกเป็นกระจุกที่ยอดเท่านั้น



ปกติเท่าที่เคยเห็นมา พริกจะออกดอกที่ตาเหนือใบตาละดอกและเป็นพริกเพียงเม็ดเดียว แตที่จะให้ดูพริกพันธุ์นี้ออกดอกที่ยอด และออกดอกเป็นกระจุก พอติดลูก ก็จะมีลูกเป็นกระจุก เป็นช่อเลยทีเดียว ลองเปรียบเทียบดู

มะค่าโมง

มะค่าโมงชื่อวิทยาศาสตร์ Afzelia xylocarpa (Kurz) Craibวงศ์ LEGUMINOSAE - CAESALPINIOIDEAEชื่ออื่น มะค่าใหญ่ มะค่าหลวงไม้ต้น ขนาดใหญ่ แต่สูงไม่มากนัก ผลัดใบ แตกกิ่งต่ำ เรือนยอดเป็นพุ่มกว้าง ลำต้นมักเป็นครีบและปุ่มปม โคนเป็นพูพอนเปลือก สีน้ำตาลอ่อนหรือชมพูอมน้ำตาล แตก

สะเก็ดเป็นหลุมตื้น ๆใบ ประกอบเรียงสลับ ใบย่อยติดตรงข้ามกันเป็นคู่ 3 - 5 คู่ แผ่นใบรูปไข่แกมรูป ขอบขนาน กว้าง 2 - 5 เซนติเมตร ยาว 4 - 9 เซนติเมตร โคนใบมนหรือหยักเว้าเล็กน้อยปลายใบทู่เป็นติ่งดอก ออกรวมกันเป็นช่อตามปลายกิ่ง ช่อยาว 5 - 15 เซนติเมตร กลีบดอกมี 4 กลีบ แต่ละกลีบซ้อนทับกัน มีเพียงกลีบบนสุดเพียงกลีบเดียวที่เจริญขึ้นเป็นกลีบดอกสีแดงเรื่อ ๆ หรือแดงอมชมพูผล เป็นฝักแบนแข็ง รูปบรรทัดสั้น ๆ กว้าง 7 - 10 เซนติเมตร ยาว 12 - 20 เซนติเมตร แตกออกเป็น 2 ซีก เมื่อแห้ง เมล็ดแก่สีดำเป็นมัน เรียงตามขวาง 4 - 5 เมล็ด แต่ละเมล็ดมีเยื่อหนารูปถ้วยสีเหลืองสดห่อหุ้ม ส่วนฐานอยู่
นิเวศวิทยา ขึ้นในป่าเบญจพรรณชื้นและป่าดิบแล้งใกล้แหล่งน้ำ ทุกภาคยกเว้นภาคใต้ สูงจากระดับน้ำทะเล 100 -600 เมตรออกดอก กุมภาพันธ์ - มีนาคม ฝักแก่ มิถุนายน - สิงหาคมขยายพันธุ์ โดยเมล็ด
วิธีปฏิบัติต่อเมล็ดและการเพาะเมล็ด 1. ตัด - ทำแผลที่ปลายเมล็ดแช่น้ำไว้ 1 คืน ก่อนเพาะ 2. การเพาะอาจเพาะลงถุงพลาสติกหรือเพาะในแปลงเพาะ
ข้อสังเกตและผลการทดลอง 1. เมล็ดจะงอกภายในประ

มาณ 7 วัน 2. กล้าจากแปลงเพาะควรย้ายเมื่อเมล็ดเริ่มแทงรากและใบเลี้ยง3. ขนาดของกล้าที่พอย้ายปลูกได้อายุประมาณ 3 - 4 เดือนขึ้นไป สูงประมาณ 1ฟุตประโยชน์ เนื้อไม้สีน้ำตาลอมเหลืองอ่อน แข็งเหนียว ทนทานขัดและชักเงาได้ดี ใช้ทำเสา รอด ตง พื้น ไม้เครื่องบน ต่อเรือ เครื่องกลึง พานท้ายปืนและรางปืน ทำกลองโทน รำมะนา เป็นไม้ที่ให้ปุ่มมะค่ามีลวดลายสวยงามและราคาสูง เปลือกทำน้ำฝาดสำหรับฟอกหนัง เมล็ดอ่อนเนื้อในรับประทานได้

นิเวศวิทยา
ขึ้นประปรายในป่าเบญจพรรณพื้ที่ที่ค่อนข้างชุ่มชื้นทางภาคเหนือภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลาง ส่วนภาคตะวันออก และภาคใต้มีขึ้นอยู่มากใน ป่าดงดิบ ป่าน้ำท่วมและตามท้องนาทั่ว ๆ ไปออกดอก กรกฎาคม - กันยายน ไม่แน่นอนแล้วแต่สภาพพื้นที่และสิ่งแวดล้อม เก็บเมล็ดได้ประมาณเดือธันวาคมขึ้นไป ผลแก่ จะแตกเพื่อโปรยเมล็ดในราวเดือน มีนาคม
ขยายพันธุ์ โดยเมล็ด
วิธีปฏิบัติต่อเมล็ดและการเพาะเมล็ด
ข้อสังเกตและผลการทดลอง
1. เมล็ดงอกใช้เวลาประมาณ 20 วั
2.ภายในระยะเวลาประมาณ 4 เดือน ต้นกล้ามีความสูงประมาณ 20 ซม. สามารถย้ายปลูกได้
ประโยชน์ เนื้อไม้ละเอียดแข็ง ใจกลางมักเป็นโพรง ใช้ทำสิ่งปลูกสร้างที่รับน้ำหนัก เสา กระดานพื้น และเครื่องมือการเกษตร และนิยมปลูกเป็นไม้ประดับ
มะค่าโมงต้นนี้ปลูกมานานหลายปี จำไม่ได้แล้ว แต่ไม่เกิน 20 ปี ปลูกจากการเพาะเมล็ด เมล็ดได้มาจากโรงเรียนป่าเด็งวิทยา ตอนนั้นยังมีการให้โรงเรียนมัธยมจัดกิจกรรมทุกปี ครูโรงเรียนชื่อ อุดม มาจัดนิทรรศการเอาทั้งต้นอ่อนและเมล็ดมะค่าโมงมาแสดง วันเลิกงานผมได้รับแจกเมล็ดมะค่าโมงมาจากอุดม ประมาณ 10 เมล็ด กลับมาเพาะใส่ถุง เพาะนานเป็นปีกว่าจะงอก ได้ต้นอ่อนมา 5 ต้น เลยปลูกให้เป็นป่ามะค่าอยู่หลังบ้าน ปัจจุบันทั้ง 5 ต้น ที่เป็นรุ่นแม่โตทำเสาเรือนได้อย่างดี ออกดอกออกฝักทุกปี ตอนนี้กำลังแตกใบอ่อน และออกดอกพร้อม ๆ กัน ได้เมล็ดพันธุ์ไว้เพาะปลูกเป็นรุ่นลูก ต่อไป

บริเวณบ้านฉัน













































ดูรูปไปก่อน แล้วค่อยมาคุยให้ฟังว่าอะไรเป็นอะไร ใครจะแสดงความคิดเห็นก็เชิญนะครับ



















































วันจันทร์ที่ 14 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2554

การเพาะถั่วงอกตัดราก


สาธิตการเพาะถั่วงอกตัดรากด้วยภาพ ภาพแรกเป็นอุปกรณ์ที่ใช้ในการเพาะถั่วงอกวิธีนี้ เหมาะที่จะทำใช้ในครัวเรือน และทำเป็นอาชีพได้อย่างสบาย อุปกรณ์ที่เห็นก็มี กระสอบป่าน รังถึง มุ้งไนล่อน นั่นคืออุปกรณ์ที่ต้องเตรียม แต่สามารถนำกลับมาใช้ใหม่ได้หลาย ๆ ครั้ง

ภาพที่สอง เมล็ดถั่วเขียวคัดอย่างดี ถั่วเขียว 1กิโลกรัม เพาะได้ถั่วงอก 7 กิโลกรัม คัดเอาถั่วซีกและขยะออกให้หมด

ต้มน้ำเดือดเพื่อแช่ถั่วเขียว ช่วยให้ถั่วงอกเร็วขึ้น
แช่ถั่วทิ้งไว้ 1 คืน

ขั้นตอนการเพาะ
1.วางกระสอบที่แช่น้ำจนเปียกบนรังถึง
2.วางตาข่ายไนล่อนบนกระสอบ
3.โรยถั่วเขียวที่แช่น้ำจนเมล็ดแต่งตึงดีแล้ว
4.เกลียถั่วให้เต็มพื้นที่พยายามอย่าให้ถั่วซ้อนเมล็ดกัน
5.ปิดด้วยกระสอบ
6.ปิดด้วยตาข่ายไนล่อน
7.ปิดด้วยกระสอบ
8.โรยถั่วเขียว



9.ทำ 3ชั้นในหนึ่งรังถึง เสร็จแล้วยกซ้อนกัน รดน้ำทุก 2 ชั่วโมง

3 วันจะได้ถั่วงอกอย่างสวย เต็มรังถึง

เวลาเก็บเกี่ยวใช้มีดตัดรากถั่วให้ชิดตาข่ายไนล่อน รากจะติดไปกับกระสอบ ทำความสะอาดซักตากแห้งนำกลับมาใช้ใหม่ได้
ถั่วงอกที่ได้ลางน้ำให้สะอาดเก็บไว้กินได้นาน ไม่เน่า ใส่ตู้เย็นสดอยู่ได้หลายวัน ลองทำดูคุณทำได้